วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

การสนทนาในร้านอาหารและภัตตาคาร (Restaurant)


การสนทนาในร้านอาหารและภัตตาคาร  (Restaurant)

Orlando   :   Please  show  me  a  good  restaurant.
ออลันโด้   :  ช่วยแนะนำภัตตาคารดีๆให้ผมสักแห่ง

Tata         :   What   kind   of   restaurant  do  you prefer,   Thai, Japanese or  European restaurant?
ทาทา       :  คุณชอบภัตตาคารแบบไหนล่ะ   ภัตตาคารไทย  ญี่ปุ่น  หรือ  ยุโรป

Orlando  :  I  like  Japanese  food  and  I  always  go  to Japanese  restaurant.
ออลันโด้  : ผมชอบอาหารญี่ปุ่น  และผมมักไปภัตตาคารญี่ปุ่นเสมอๆ

Tata        :  Don’t you  like  Thai  food ?
ทาทา      :   คุณไม่ชอบอาหารไทยหรือ

Orlando  :   Yes,  I  do  But  some  kinds  of  food  are  too  hot  for  me.
ออลันโด้   :   ผมก็ชอบนะ  แต่อาหารบางอย่างเผ็ดเกินไปสำหรับผม

Tata         :   Let’s  go to the  European  restaurant  tonight  This  is  a very  good  restaurant  in                         Bangkok.
ทาทา       :   ไปภัตตาคารยุโรปกันดีกว่าคืนนี้  นี้คือภัตตาคารที่ดีมากแห่งหนึ่งในกรุงเทพ

Orlando   :   This   restaurant   has a quick  service.
ออลันโด้   :   ภัตตาคารนี้บริการรวดเร็วมาก

Tata         :   Yes.  The foods   are   also   delicious   and   the   price   is  not much expensive.
ทาทา       :   ใช่แล้ว  อาหารก็อร่อยด้วย  แถมราคาก็ไม่แพงมาก

Orlando   :  I   agree   with   you.  The price   is   reasonable.
ออลันโด้   :  ผมเห็นด้วยกับคุณนะ  ราคาสมเหตุสมผลดี



คำศัพท์  (Vocabulary)
Please                           ได้โปรด   กรุณา
Show                             แสดง   แนะนำ
Good                              ดี
Restaurant                     ร้านอาหาร   ภัตตาคาร
Kind                               ชนิด   จำพวก   ประเภท แบบ
Prefer                            ชอบมากกว่า
Thai                               เกี่ยวกับไทย
Japanese                       เกี่ยวกับญี่ปุ่น
European                      เกี่ยวกับยุโรป
Like                               ชอบ
Food                             อาหาร
Always                          สม่ำเสมอ   เป็นประจำ
Go                                ไป
But                               แต่
Some                            บางอัน บางชิ้น บางส่วน
Too                               เกินไป   มากเกินไป
Hot                               เผ็ดร้อน เผ็ด
Tonight                         คืนนี้
This                              นี้
Very                              มาก
Quick                            รวดเร็ว
Service                          บริการ
Also                              ด้วย   เช่นเดียวกัน
Delicious                       อร่อย
Price                             ราคา
Not                               ไม่
Much                            มาก
Agree                           เห็นด้วย
Reasonable                  สมเหตุสมผล


ที่มา ::::  ฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ 101 ชั่วโมง 
โดย ..... ครูกวาง  ยุวนาฏ  คุ้มขาว 

หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ



หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

          ประโยค คือส่วนที่สำคัญที่สุดในโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพราะในชีวิตประจำวัน เรามักพูดออกมาเป็นประโยค เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ แต่ประโยคนั้นประกอบขึ้นด้วยคำต่างๆ ดังนั้นถ้าเราจะเริ่มศึกษาวิธีการแต่งประโยค เราจึงต้องเริ่มต้นศึกษาจากคำก่อน

ชนิดของคำในภาษาอังกฤษมี 8 ชนิดด้วยกัน คือ
1. Nouns (คำนาม)
เช่น God, man, John, American, friend, star, stone, air, mile, beauty ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ แนวคิด นามธรรม และความเชื่อ


2. Pronouns (คำสรรพนาม)
เช่น I, you, he, she, my, your, his, that, who, what, which, one, some ใช้เรียกแทนคำนาม จะได้ไม่ต้องเอ่ยนามนั้นซ้ำอีก

ตัวอย่าง:
  John works at the hospital.
  He is a doctor.
  Kate is my friend.
  I know her well.
  A book is on the desk.
  The book which is on the desk is about history.
  The children are playing outside.
  Some of them are crying.

3. Adjectives (คำคุณศัพท์)
ใช้ขยาย noun กับ pronoun เพื่อบรรยายให้เห็นลักษณะของ noun กับ pronoun ชัดเจนยิ่งขึ้น แบ่งออกเป็น adjective สำหรับบอกลักษณะ บอกปริมาณ และบอกจำนวน
     - Qualifier Adjectives หรือคำคุณศัพท์ที่ใช้บอกลักษณะ เช่น beautiful, healthy, kind, poor, fast, dry, black
ตัวอย่าง:
Noun
Adj. + Noun
Adj. + Adj. + Noun
  An apple
  A red apple
  A crisp, red apple
  A girl
  A tall girl
  A beautiful, tall girl
     - Quantifier Adjectives หรือคำคุณศัพท์ที่ใช้บอกปริมาณ เช่น many, much, few, little
ตัวอย่าง:
Noun
Adj. + Noun
  An apple
  Many apples
  money
  A little money
     - Numeral Adjectives หรือคำคุณศัพท์ใช้บอกจำนวนนับลำดับที่ เช่น one, two, three, first, second

ตัวอย่าง:
Noun
Adj. + Noun
  A house
  Two houses
  Floor
  First floor

4. Verbs (คำกริยา)
เช่น go, take, fight, speak, sleep, wait ใช้แสดงกริยาอาการต่างๆ เป็นส่วนสำคัญในภาคแสดงของประโยค นอกจากนี้ คำกริยายังแบ่งได้เป็น กริยาแท้ และกริยาไม่แท้
     - Finite Verbs กริยาแท้หรือคำกริยาที่สามารถผันตามประธานและรูปกาลได้
     - Non-finite Verbs (Verbals) กริยาไม่แท้ ไม่สามารถเปลี่ยนรูปได้
ตัวอย่าง: verb "be" มีกริยาในรูปต่างๆ ดังนี้
  Finite Form
  Am, is, are, was, were
  Non-finite Form
  Infinitive = to be
  Present Participle = being
  Past Participle = been
  Gerund = being

5. Adverbs (คำวิเศษณ์)
เช่น well, fast, long, gently, recently, again, yesterday, soon, rather, perhaps, not
ใช้ขยาย verb, adverb, adjective, preposition, conjunction, phrase, sentence เพื่อเพิ่มความหมายให้กับสิ่งที่ถูกขยาย
ตัวอย่าง:
  ขยาย  verb
  He walks.
  He walks fast.
  ขยาย  adverb
  The dog grows quickly.
  The dog grows very quickly.
  ขยาย  adjective
  It is hot today.
  It is surprisingly hot today.
  ขยาย  preposition
  My cat sits beside me.
  My cat sits right beside me.
  ขยาย  conjunction
  She will come though it is late.
  She will come even though
   it is late.
  ขยาย  phrase
  The hotel is on the top of
   the mountain.
  The hotel is nearly on the top of
   the mountain.
  ขยาย  sentence
  The bus leaves at 10 p.m.
  However, the bus leaves at
   10 p.m.

6. Prepositions (คำบุพบท)
เช่น at, in, into, of, for ใช้เชื่อมกริยากับส่วนต่างๆ ของประโยค เพื่อบอกเวลา สถานที่ และทิศทาง ทำให้ประโยคสมบูรณ์
ตัวอย่าง:
  In
  He is in the pool.
  On
  There is a mark on your shirt.
  At
  He always arrives late at school.
  Against
  A woman is standing against the door.
  Up to
  I sleep up to 8 hours a day.

7. Conjunctions (คำสันธาน)
เช่น and, but, or, nor, that, if, because ใช้เชื่อมคำหรือประโยค มีทั้ง conjunction แบบคล้อยตาม ขัดแย้ง และเป็นเหตุเป็นผล
ตัวอย่าง:
  And
  Thais eat with a spoon and fork.
  But
  BMW is beautiful but expensive.
  Or
  Would you like coffee or tea?
  Neithe...nor
  Neither I nor she speaks Spanish.
  Because
  Tim passed the exam because he studied hard.

8. Interjections (คำอุทาน)
เช่น oh, alas, hurrah ใช้แสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ต่างๆ
ตัวอย่าง:
  Well
  Well! That’s expensive.
  Oh
  Oh! That’s great.
ในภาษาอังกฤษคำหนึ่งคำอาจจะเป็นได้มากกว่าหนึ่งชนิด แต่เมื่อใช้ในบริบทหนึ่งๆ แล้ว คำๆ นั้นจะทำหน้าที่ได้แค่เพียงอย่างเดียว เช่น อาจจะเป็น verb หรือ noun หรือ อาจเป็น adverb หรือ preposition ก็ได้ ตัวอย่างเช่น
  Look:
Look at that. (Look = verb)
Let me have a look at that. (look = noun)
  Walk:
He walked all the way here. (walked = verb)
He is taking a walk. (walk = noun)
  In:
Is John in? (in = adverb)
In the house. (In = preposition)
  Up:
He climbed up. (up = adverb)
Climb up the wall. (up = preposition)
  After:
He looked before and after. (after = adverb)
His dog trotted after him (after = preposition)
After we had left... (After = conjunction)




ที่มา ::: http://www.dicthai.com/


ARTICLES ......... คำนำหน้านาม


ARTICLES ........................... คำนำหน้านาม

A,AN

1.ใช้ a,an ในความหมายที่เท่ากับหนึ่ง ใช้ a กับคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ และใช้ an กับคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ (a,e,i,o,uเช่น
                 a house                (บ้านหนึ่งหลัง)
                 a dog                   (สุนัขหนึ่งตัว)
                an orange             (ส้มหนึ่งผล)
                an umbrella          (ร่มหนึ่งคัน)
            ถ้าคำนามนั้นมีคำคุณศัพท์ (Adjective) นำหน้า ให้พิจารณาใช้ a/anตามคำนำหน้านามโดยอาศัยหลังดังกล่าวเช่น
               an egg                          (ไข่หนึ่งฟอง)
               a room                         (ห้องหนึ่งห้อง)
               a yellow egg                 (ไข่สีเหลืองหนึ่งฟอง)
              an American room.        (ห้องแบบอเมริกัน)

2. ใช้ a กับคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ แต่ออกเสียงเป็นพยัญชนะ เช่น
             a university         (มหาวิทยาลัย)

3. ใช้ an นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วย บางคำ แต่อ่านออกเสียงด้วยสระ เช่น
             an hour              (ชั่วโมง)

4.ใช้ a/an ที่มีความหมาย ละ หรือ ต่อ เช่น
            Fifty baht an hour        (ชั่วโมงละ 50 บาท หรือ 50 บาทต่อชั่วโมง)

THE

1.ใช้ THE กับคำนำหน้านามที่ชี้เฉพาะ ซึ่งอาจเป็นคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ เช่น      
              She gives him the pencil.
              The girl is fat.
              The children enjoy playing.

               ถ้าไม่ชี้เฉพาะอาจใช้ some นำหน้าคำนามพหูพจน์ที่นับได้ หรือใช้some กับคำนามที่นับไม่ได้   เช่น
              She boys have toys.
              He drinks some milk.

 2. ใช้ THE นำหน้าคำนามที่มีสิ่งเดียวในโลก เช่น
              The moon                     (ดวงจันทร์)
              The sky                         (ท้องฟ้า)
              The Pacific Ocean         (มหาสมุทรแปซิฟิก)

3.ใช้ THE นำหน้าคำนามที่เป็นส่วนของวัน  เวลา  เช่น
              in  the morning                 (ตอนเช้า)
              in  the  evening                 (ตอนบ่าย)
              in  day  after  tomorrow    (มะรืนนี้)

4. ใช้ THE กับชื่อสถานที่ที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ  เป็นอนุสรณ์  ชื่อแม่น้ำ  มหาสมุทร  ลำครอง  เช่น
              The Grand Palace              (พระบรมมหาราชวัง)
              The Chao Phraya River      (แม่นำเจ้าพระยา)

5. ใช้ THE กับการเปรียบเทียบขั้นสุด เช่น
              She is the tallest girl in the room.
                  เธอเป็นเด็กที่สูงที่สุดในห้องนั้น


เราไม่ใช้  A,AN,THE   เมื่อ

1.ไม่ใช้ a,an,the กับชื่อประเทศ  สถานที่  เช่น
             England                   (ประเทศอังกฤษ)

2. ชื่อวัน  ชื่อวันหยุด  เช่น
            New Year’s Day         (วันขึ้นปีใหม่)
            Spring                        (ฤดูใบไม้ผลิ)

3. ชื่อวิชา  กีฬา  หรือกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ  เช่น
           Science         (วิทยาศาสตร์)
           Football        (ฟุตบอล)
           Singing         (ร้องเพลง)

4. ชื่อมื้ออาหาร  เช่น
           Breakfast            (มื้อเช้า)
           Lunch                (มื้อกลางวัน)

5. ไม่ใช้ a,an,the กับคำนามที่นับไม่ได้  *ยกเว้นคำนามนั้นชี้เฉพาะใช้ theได้  เช่น
           Furniture            (อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน)
           Hair                   (เส้นผม)

6. ไม่ใช้ the ข้างหน้า home , church , market , school , hospital  ในกรณีที่ใช้เป็นคำโดด ๆ ไม่มีวลีมาขยาย  แต่ถ้าเราไปสถานที่เหล่านี้ด้วยจุดประสงค์อื่นจะมี  (the)  ด้วย  เช่น
           I went to the church to see the carvings.
           She went to the hospital to visit her friend.
           They go to the market to buy food.

          ตัวอย่างประโยคที่ไม่ใช้  the กับ home , church , market , school และhospital
           She got home late.
           We go to church to pray.



แบบฝึกหัดที่ 1
     จงเติม a , an  หรือ  the  ลงในช่องว่างให้เหมาะสม  ถ้าไม่จำเป็นต้องใส่  article  ให้ใส่  X

1. There is ………………. Small house on the road.
2. My friend is …………… Japanese.
3. She buys………eggs , but……………eggs are expensive.
4. ………………ice is cold.
5……………….sun rises in…………..east.

เฉลยแบบฝึกหัดที่ 1
1. a
2. X
3.X , the
4. X
5. The , the



แบบฝึกหัดที่ 2
ให้เติมเครื่องหมาย  /  หรือ  X  สำหรับการใช้ Articles a, an, the

………1.I want an green orange.
………2.I like a honest boy.
………3.Jenny has the dinner at 7 o’clock.
………4.The sun is red.
………5.Ann is in the school.


เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2
1. X
2. X
3. X
4. /
5. X


หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ  (GRAMMAR)
โดย....สมจิตต์    กลิ่นสุนธ์
          อรพินท์    อุดมพรรณ
สำนักพิมพ์  บริษัท  ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง  จำกัด